ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

ลูกไม้มวยไทย


ลูกไม้มวยไทย




เอราวัณเสยงา

1. เอราวัณเสยงา (แหวกชกเสยคาง)


ลูกไม้นี้คล้ายกับแม่ไม้มวยไทย ชื่อตาเถรค้ำฝัก
ฝ่ายรุก ชกต่อยหมัก ซ้ายตรง ไปที่ใบหน้าของฝ่ายรับ พร้อมกับก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้า หมัดขวาคุมเสมอคาง
ฝ่ายรับ เอนตัวผลักเฉียงไปทางซ้ายเล็กน้อย เพื่อหาหลบหมัดซ้ายของฝ่ายรุก พร้อมกับใช้หมัดซ้ายแหวกหมัดคุมของ ฝ่ายรุกด้วยหมัดซ้าย หมุนตัวไปทางขวาพร้อม ทั้งใช้หมัดซ้ายชกเสยปลายคางของฝ่ายรุก ฝ่ายรับพยายามแบนาตัวให้หัวไหล่ชิดอกฝ่ายรุก


บาทาลูบพักตร์

2. บาทาลูบพักตร์ (ปัดหมัดเตะตรงหน้า)


ฝ่ายรุก พร้อมหมัด คุมเชิงโดย หมัดซ้ายนำ พร้อมทั้งก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้า หมัดขวาคุมปลายคางเต รียมจะชกหน้าฝ่าย รับด้วยหมัด ซ้ายตรง
ฝ่ายรับ ตั้งหมัด ซ้ายนำพร้อม ทั้งก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้าเช่นเดียวกัน พอ ฝ่ายรุกขยับตัวจะก้าวชกด้วยหมัดซ้ายตรง ฝ่ายรับรีบใช้หมัดซ้าย ปัดหมัดซ้ายของฝ่าย รุกที่จะชกมาให้เบนไปทางชวาของฝ่ายรับ พร้อมกับรีบเตะด้วยเท้าชราตรงไปที่ปลาย คางของฝ่ายรุก หรือใช้ฝ่าเท้าลูบหน้าฝ่ายรุก แทนการเตะปลายคาง ตัวเอนไปทางซ้ายยืนบนปลายเท้าซ้าย หมัดทั้งสองคุมเชิงอยู่เสมอหน้าอก


ขุนยักษ์พานาง

3. ขุนยักษ์พานาง (แหวกหมัดด้วยทุ่ม)


ฝ่ายรุก ชกด้วยหมัด ซ้ายตรง พร้อมทั้งก้าวเท้าสืบไปข้างหน้า หมัดขวาคุมเสมอคาง
ฝ่ายรับ รีบสืบเท้าซ้ายก้าวออก นอกเท้าซ้ายของฝ่ายรุก ยกแขนขวากระแทก ข้อคอก ปัดแขนซ้ายของฝ่ายรุกให้พ้นตัว พร้อมกับรีบอาศัยความเร็วเข้าชิด ตัวฝ่ายรุกใช้แขนซ้าย โอบกลางตัว(ตอนใกล้เอว) ของฝ่ายรุก ใช้สะโพกยกตัวฝ่ายรุกขึ้นทุ่มหงายหลัง ลงกับพื้นโดยแรง ฝ่ายรุกจะเสียกำลังหรือ ศีรษะอาจฟาดพื้นได้


พระรามน้าวศร

4. พระรามน้าวศร (ปิดศอกชกเสยคาง)


ลูกไม้นี้ ใช้แก้การตีศอกของคู่ต่อสู้
ฝ่ายรุก สืบเท้าเข้าหาฝ่ายรับหรือเข้าชิด ด้วยยกศอกคู่จะกระแทกศีรษะ
ฝ่ายรับ สืบเท้าเข้าหาฝ่ายรุกพร้อมทั้ง ยกแขนท่อนล่างขึ้นขนานกับพื้น เพื่อรับศอกคู่ของฝ่ายรุกพร้อม กับให้ใช้หมัดตรงกันข้ามเสยคาง ของฝ่ายรุกพร้อมทั้งก้าวเท้าสืบ ตามหมัดที่ชกไปด้วย


ไกรสรข้ามห้วย

5. ไกรสรข้ามห้วย (หลบถีบ เตะตรงถีบขาหลัง)


ลูกไม้นี้ใช้แก้ไม้บาทาลูบพักตร์
ฝ่ายรุก กระโดดเตะปลายคางของฝ่ายรับ โดยวิธีเตะเสยขึ้นตรงๆ ด้วย เท้าขวา
ฝ่ายรับ ก้าวเท้าซ้ายกระโดดหลบปลายเท้าขวาของฝ่ายรุก โน้มตัวไปทาง ซ้าย ยืนบนเท้าซ้าย พร้อมกับรีบสอดเท้าขวา ถีบขาหลังของฝ่ายรุกที่เป็นหลักยืนอยู่ บริเวณหัวเข่า ซึ่งจะทำให้เข่าเคล็ดใช้การไม่ได้


กวางเหลียวหลัง

6. กวางเหลียวหลัง (ตามเตะ ถีบด้วยส้นเท้า)


วิธีปฏิบัติ 2 ตอน 
ตอนที่ 1
ฝ่ายรับ เตรียมตัวจะเตะฝ่ายรุกกราดไปที่ชายโครง มือทั้งสองงอคุมบริเวณคาง
ฝ่ายรุก ตั้งหมัดขวา หรือซ้ายนำ เตรียมจะชกไป ยังใบหน้าของฝ่ายรับ พร้อมด้วยก้าวเท้าไปข้างหน้า
ตอนที่ 2 
ฝ่ายรุก ต้องถอยหลังเพื่อหลบเตะของ ฝ่ายรับ
ฝ่ายรับ รีบหมุนตัวกลับโดยเร็ว โดยใช้เท้าข้างที่ เตะในตอนแรกยีน เป็นหลัก กลับหลังหันใช้เท้าตรงกันข้ามถีบ ปลายคางหรือยอดอกของฝ่ายรุก


หิรัญม้วนแผ่นดิน

7. หิรัญม้วนแผ่นดิน (รับเตะม้วนแทงศอกกลับ)


ฝ่ายรุก เตะด้วยเท้าขวากราด ไปที่บริเวณชายโครงของฝ่ายรับ ยืนบนขาซ้ายมือทั้งสองงอกำบังตรงหน้า
ฝ่ายรับ รีบยกแขนขวาท่อนล่าง ขึ้นรับเตะของฝ่ายรุก พร้อมกลับหลังหันกางศอกซ้ายเสมอพื้นระดับดีคาง หรือบริเวณ ใบหน้าของฝ่ายรุก



นาคมุดบาดาล  (ก้มตัวหลบลอดขาถีบขาพับ)

8. นาคมุดบาดาล (ก้มตัวหลบลอดขาถีบขาพับ)


ลูกไม้นี้ใช้แก้การเตะสูง แบ่งการ
ปฏิบัติเป็น 2 ตอน
ตอนที่ 1
ฝ่ายรุก เตะบริเวณคางหรือขมับด้วย เท้าขวา
ฝ่ายรับ ก้มตัวหลบลอดใต้เท้าขวาของ ฝ่ายรุกที่เตะมายังก้านคอหรือศีรษะ
ตอนที่ 2 
ฝ่ายรุก เตะด้วยเท้าขวาไม่ถูกที่หมายตัวหมุน ตามเท้าขวาไปด้วยแรงเหวี่ยง
ฝ่ายรับ รีบสอดเท้าขวาถีบ ขาพับทางซ้ายของฝ่ายรุกให้ล้มขมำไป


หนุมานถวายแหวน

9. หนุมานถวายแหวน (แหวกวงในชกเสยคางด้วยหมัด)

ฝ่ายรุก ชกด้วยหมัดซ้ายตรงไป ยังบริเวณใบหน้า พร้อมกับ สืบเท้าซ้ายไปข้างหน้าแขนขวา งอขึ้นปิดป้องกันคาง
ฝ่ายรับ เบนตัวหลบหมัดซ้ายของ ฝ่ายรุก พร้อมกับสืบเท้าซ้ายเข้า ชิดตัวหันซ้ายเข้าชิดอกฝ่ายรุก พร้อมกับกำหมัดทั้งสองชกเสือก ไปที่ปลายคางของฝ่ายรุก


ญวณทอดแห

10. ญวณทอดแห (ปัดลูกถีบเตะสอดขาพับ)

ลูกไม้นี้ใช้แก้ลูกถีบของคู่ต่อสู้
ฝ่ายรุก เตรียมใช้เท้าซ้ายถีบจิกหรือถีบนำไปยังบริเวณ ท้องของฝ่ายรับ
ฝ่ายรับ ก้าวเท้าขวาหลบออก วงนอกใช้มือซ้ายซดเท้าของฝ่ายรุก พร้อมจับข้อเท้าฝ่ายรุกแล้วใช้เท้าขวา เตะสอดใต้ขาพับฝ่ายรุกโดยแรง ตัวเบนไปทาง ขวาน้ำหนักอยู่บนเท้าซ้าย


ทะแยค้ำเสา

11. ทะแยค้ำเสา (หลบเตะถีบขาหลัง)

ฝ่ายรุก เตะฝ่ายรับด้วยเท้าชวาไปบริเวณชายโครง ตัวเอนและยืนบนเท้าซ้ายหมัดทั้งสองงอกำบังตัวอยู่เสมอ
ฝ่ายรับ รีบก้มตัวไปทางขวาและยกเท้าถีบด้วยส้นเท้าที่โคนขาซ้าย ของฝ่ายรุกซึ่งใช้ยืนเป็นหลัก น้ำหนักตัวของฝ่ายรับอยู่บนขาขวา



หงส์ปีกหัก

12. หงส์ปีกหัก (หลบวงใน วงนอก ศอกฟันแขน)

ฝ่ายรุก ชกด้วยหมัดขวาดรงไปยัง บริเวณโบหน้าของฝ่ายรับ พร้อมกับก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้าหมัดซ้ายคุมเสมอคาง
ฝ่ายรับ สืบเท้าก้าวเข้าชิดตัว ฝ่ายรุกโดยเร็ว ใช้หมัดซ้ายงดหมัดขวาของ ฝ่ายรุกให้พันตัวพร้อมกับรีบใช้ศอกขวาง ฟันเฉียด ใบหู ลงไปกึ่งกลางแขนขวา ท่อนบน


สักพวงมาลัย

13. สักพวงมาลัย (หลบวงใน แทงศอกที่หน้าอก)

ฝ่ายรุก ชกด้วยหมัดตรงไปยัง บริเวณโบหน้าของฝ่ายรับ เท้าซ้ายสืบไปข้างหน้าพร้อมกับหมัดขวาคุมเสมอคาง
ฝ่ายรับ สืบเท้าเข้าหาฝ่ายรุก งอตัวอวัยวะภายในแขนของฝ่ายรุก หมัดขวารีบปัดแขนซ้ายของฝ่ายรุก ออกไปพ้นตัว พร้อมกับรีบยกศอกซ้าย แทงบริเวณแผนอกของฝ่ายรุกแทงซ้ำหลายๆ ครั้ง


เถรกวาดลาน

14. เถรกวาดลาน (เตะขาขวา)

ฝ่ายรุก เตะด้วยเท้าซ้ายหรือ ยืนในลักษณะเท้ายืนคู่
ฝ่ายรับ เดินมวยเข้าหาพร้อม กับก้มตัวลงหลบให้เท้าซ้ายฝ่ายรุก ผ่านศีรษะไปใช้เท้าขวาเตะกวาดไป ที่ข้อเท้าขวาของฝ่ายรุกสุดแรง ถ้ายืนจดมวยให้เตะกวาดขาที่อย่างหน้า


ฝานลูกบวบ

15. ฝานลูกบวบ (หลบเข้าวงในศอกตรงหน้า)

ฝ่ายรุก ชกด้วยหมัดซ้ายพร้อมกับ ก้าวเท้าซ้ายไปข้างหน้า หมัดขวาคุม เสมอคาง
ฝ่ายรับ รีบสืบเท้าซ้ายเข้าชิดตัว ฝ่ายรุก ให้พ้นตัวพร้อมกับรีบยกศอกซ้ายขึ้นเสมอกกหู ฟันลงใบหน้าของฝ่ายรุก เมื่อฝ่ายรุก เตรียมถอยฉากจะชกด้วยหมัดขวาตวัด ให้ฝ่ายรับรีบก้าวขาขวาตามติดตัว และ ใช้ศอกขวาที่บริเวณหน้าสลับกัน แขนตรง ข้ามรีบปิดชายโครงเพื่อกันฝ่ายรุกหมายชก ชายโครงไว้


วีดีโอตัวอย่างลูกไม้มวยไทย


ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

ประวัติการไหว้รำครูมวย

ประวัติการไหว้รำครูมวย ไหว้ครูรำมวย เป็นการร่ายรำในกีฬา มวยไทย เพื่อแสดงถึงความกตัญญูรู้คุณและความเคารพต่อครูมวย เป็นประเพณีที่ปฏิบัติสืบต่อกันมาช้านาน เช่นเดียวกับวิชาการหลายแขนงของ ไทย  ที่มักทำการไหว้ครูก่อน และให้มีการสวม มงคล ขณะทำการร่ายรำไหว้ครู เนื่องจากถือเป็นของศักดิ์สิทธิ์ ท่าที่นิยมทำการไหว้ครูมากที่สุดคือ พรหมสี่หน้า, หงส์เหิร, ยูงฟ้อนหาง, สอดสร้อยมาลา, พระรามแผลงศร, พยัคฆ์ตามกวาง, เสือลากหาง, สาวน้อยประแป้ง, ลับหอกโมกขศักดิ์ และกวางเหลียวหลัง ฯลฯ การรำไหว้ครูเริ่มจากนั่ง กราบเบญจางคประดิษฐ์ คุกเข่าถวายบังคม ขึ้นพรหมนั่ง-ยืน ท่ารำมวย (อาจมีการเดินแปลง ย่างสามขุม การรูดเชือก การบริกรรมคาถา) เพื่อสำรวจ ทักทายหรือข่มขวัญซึ่งแตกต่างกันไปตามแต่ละค่าย หรือสำนัก โดยมีการบรรเลงดนตรีให้จังหวะในการต่อสู้ซึ่งใช้ "เพลงสะหระหม่าแขก" ใช้ในการไหว้ครู "เพลงบุหลันชกมวย" และ "เพลงเชิด" ใช้ในการต่อสู้ ส่วนเครื่องดนตรีไทยที่ใช้บรรเลงประกอบด้วย   ปี่ชวา ,  กลองแขก  และ ฉิ่ง ประวัติ การรำมวยไหว้ครูมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย โดยมีที่มาของการที่นักมว...

ประวัติความเป็นมาของมวยไทย

ประวัติความเป็นมาของมวยไทย มวยไทย มรดกไทย - มรดกโลก             มวยไทยกับคนไทย ....จากการจำแนกเผ่าพันธุ์ของมนุษย์ คนไทยมีเชื้อชาติอยู่ในกลุ่มมองโกเลีย ลักษณะร่างกายโดยทั่วไปตัวเล็กกว่าคนที่อาศัยอยู่ในเขตหนาว ความสูงโดยเฉลี่ย 5 ฟุต 3 นิ้ว ร่างกายล่ำสัน สมส่วน ทะมัดทะแมง น้ำหนักตัวน้อย มีความคล่องตัวและยืดหยุ่นสูง มือมีเนื้อนุ่มนิ่ม ผิวสีน้าตาลอ่อน ผมดกดำ ขนตามตัวมีน้อย เคราไม่ดกหนา รูปศีรษะเป็นสัดส่วนดี ลูกตาสีดำตาขาวมีสีเหลืองเล็กน้อย กระพุ้งแก้มอวบอูม ใบหน้ากลม เนื่องจากลักษณะภูมิประเทศเป็นเมืองร้อนใกล้เส้นศูนย์สูตรประชาชนส่วนใหญ่อาศัยอยู่ริมฝั่งแม่น้ำ ใช้เรือเป็นพาหนะ จึงทำให้คนไทยสวมเสื้อผ้าน้อยชิ้น ไม่สวมหมวกและรองเท้า สามารถใช้อวัยวะหมัด เท้า เข่า ศอก ได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว จึงนำไปผสมผสานกับการใช้อาวุธมีด ดาบ หอก เพื่อป้องกันตนเองและป้องกันประเทศ ....มวยไทยนั้นมีมาพร้อมกับคนไทย เป็นมรดกทางวัฒนธรรมของชาติไทยมาช้านาน ในสมัยโบราณประเทศไทยมีอาณาเขตติดต่อกับประเทศเพื่อนบ้านหลายประเทศ จึงมีการสู้รบกันอยู่เสมอๆ ดังนั้นชายไทย...

นำเสนอ

จัดทำโดย  นาย ณัฐพนธ์ ขวดชัยภูมิ ห้อง 203 หรัส 59061301077 สถาบันพลศึกษา วิทยาเขตเชียงใหม่